การบริหารความเสียงสําหรับผ้ปฏิบัติงาน
ู
ความเสียง หมายถึงโอกาสทีจะประสบความเสียหายหรือสิงไม่พึงประสงค์ อบัติการณ์ุ หมายถึง เหตุการณ์ทีไม่พึงประสงค์ทีเกิดขึนแล้ว นอกเหนือจากความคาดหมายจากปกติก่อให้เกิดความ สูญเสีย ประเภทความเสียงโรงพยาบาลท่าตะโก 1. ความเสียงทัวไป (ทางกายภาพ) 2. ความเสียงทางคลินิก 3. ความคลาดเคลือนทางยา การกําหนดระดับความเสียงในการดําเนินงาน การประเมินความเสียง ระดับความเสียงแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ เล็กน้อย ปานกลาง มาก ซึงประเมินได้จาก ระดับความรุนแรง 9 ระดับ คือตังแต่ A-I (ตามแบบรายงานความเสียง) และเมือนํามาเทียบจะได้ดังนี ระดับ A ระดับ B และระดับ C = ระดับน้อย ระดับ D ระดับ E และ ระดับ F = ระดับปานกลาง ระดับ G ระดับ H และระดับ I = ระดับมาก หรือรุนแรง เหตการณ์ ุ / ความเสียงรนแรงทีต้องรายงานทันทีุ 1. การฆ่าตัวตาย ( Suicide ) ของผู้ป่วยทีรับไว้ในโรงพยาบาล 2. ส่งเด็กแรกเกิดผิดมารดา หรือแจ้งเพศเด็กผิด 3. การลักพาเด็ก4. การให้เลือดผิดหมู่ก่อให้เกิด Hemolytic Tran Fusion Reaction 5. การผ่าตัดผิดคนผิดข้างอวัยวะ 6. อุบัติเหตุไฟไหม้ 7. การโจรกรรมทรัพย์สิน 8. การก่อเหตุทะเลาะวิวาททีรุนแรง ให้ผู้เกียวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์หรือผู้พบเหตุการณ์ รายงานตามระบบทีกําหนด หมายเหต ุ: เนืองจากเหตุการณ์รุนแรง มีผลกระทบสูง และมีโอกาสถูกฟ้องร้อง มีผลเสียหายต่อผู้ป่วย ญาติ แพทย์ เจ้าหน้าทีผู้เกียวข้องโดยเฉพาะแพทย์และผู้ประกอบวิชาชีพ จึงสมควรมีผู้รู้ข้อมูลหรือทราบเหตุการณ์เฉพาะทีจําเป็น เท่านัน นอกจากผ้เกียวข้องดังต่อไปนีแล้ว ไม่ควรให้ผ้อืนรับร้ถึงชือู ู ู ผ้เกียวข้องกับอบัติการณ์ู ุ 1. ผู้ประกอบวิชาชีพทีเกียวข้องกับอุบัติการณ์โดยตรง ได้แก่ แพทย์ พยาบาลทีให้การดูแล ผู้ป่วย 2. หัวหน้างาน /หัวหน้าหอผู้ป่วย 3. หัวหน้ากลุ่ม/ฝ่าย 4. คณะกรรมการบริหารความเสียง 5. คณะกรรมการบริหารโรงพยาบาล
การรายงานความเสียง 1. เหตการณ์รนแรงน้อย ุ ุ (ระดับ A-C) 1.1 หัวหน้าหน่วยงานหรือผู้พบเหตุการณ์ดําเนินการแก้ไขพร้อมร่วมกันหา แนวทาง/มาตรการป้องกัน 1.2 เขียนใบรายงานอุบัติการณ์ส่งเลขาฯทีมบริหารความเสียง ทุกวันเพือ บันทึกข้อมูลและสรุปคืนหน่วยงานหรือโปรแกรมความเสียงทีเกียวข้อง 1.3 หัวหน้าหน่วยงานดูแลรับผิดชอบ ทบทวนวิธีปฏิบัติงาน 1.4 จัดทําคู่มือปฏิบัติงาน 2. เหตการณ์รนแรงปานกลาง ุ ุ (ระดับ D-F) 2.1 หัวหน้าหน่วยงาน รายงานหัวหน้ากลุ่มงาน หรือร่วมแก้ปัญหา และเขียนใบ รายงานอุบัติการณ์ส่งเลขาฯ ทีมบริหารความเสียง ภายใน 24 ชัวโมง 1.2 หัวหน้าหน่วยงาน /กลุ่มงาน ผู้รับผิดชอบตามโปรแกรมความเสียงทีเกียวข้องและหน่วยงานที เกียวข้องร่วมกันทบทวนคู่มือปฏิบัติงานและประกันคุณภาพภายใน7 วัน 3. เหตการณ์รนแรงมาก ุ ุ (ระดับ G-I) 3.1 หัวหน้าหน่วยงาน รายงานหัวหน้ากลุ่มงานทันที อาจขอความช่วยเหลือทีมเจรจาไกล่เกลียร่วม ต่อรอง/แก้ไขสถานการณ์เบืองต้น และรายงานด้วยวาจาทันทีต่อ เลขาฯทีมบริหารความเสียงและ ผู้อํานวยการโรงพยาบาล หรือนอกเวลาราชการรายงานแพทย์เวร และแพทย์เวรจะรายงาน ผู้อํานวยการโรงพยาบาลต่อไปเพือให้มีการควบคุมสถานการณ์และดําเนินการแก้ไขโดยเร่งด่วน และส่งใบรายงานอุบัติการณ์ทันที 3.2 หัวหน้าหน่วยงาน /กลุ่มงาน/ทีมนํา/ทีมRM/กําหนดแผนจัดการโดยเร่งด่วนและทํา RCA / วิเคราะห์เชิงระบบทุกปัญหา กําหนดมาตรการป้องกันการเกิดซําโดยเร็ว ภายใน 7 วันโดยมี ผู้บริหารระดับสูงติดตามอย่างใกล้ชิด ในระดับโรงพยาบาล แบ่งความเสียงเป็น 2 ประเภท และแบ่งโปรแกรมความเสียง ออกเป็น 5 โปรแกรม เพือให้ สามารถเชือมโยงให้ทีมพัฒนาคุณภาพ ทีเกียวข้องมามีส่วนร่วมในการจัดการ และหามาตรการป้องกันแก้ไขความ เสียงทีเกิดขึนต่อไป ดังนี 1. ความเสียงทางด้านคลินิก มีโปรแกรมทีรับผิดชอบ คือ 1.1 โปรแกรมความเสียงด้านคลินิก ทีมพัฒนาคุณภาพทีเกียวข้องได้แก่ ทีมนําทางคลินิก (PCT) 1.2 โปรแกรมความเสียงด้านความคลาดเคลือนทางยา ทีมพัฒนาคุณภาพทีเกียวข้องได้แก่ ทีมนําทางคลินิก (PCT) 1.3โปรแกรมความเสียงด้านการป้องกันและควบคมการติดเชือุ ทีมพัฒนาคุณภาพที เกียวข้องได้แก่ ทีมป้องกันและควบคุมการติดเชือ (IC)
2 . ความเสียงทางด้านกายภาพ มีโปรแกรมทีรับผิดชอบ คือ 2.1 โปรแกรมความเสียงด้านสิงแวดล้อมและอาชีวอนามัย ทีมพัฒนาคุณภาพทีเกียวข้อง ได้แก่ ทีมบริหารสิงแวดล้อมและความปลอดภัย (ENV) 1.2 โปรแกรมความเสียงด้านคําร้องเรียน ทีมพัฒนาคุณภาพทีเกียวข้องได้แก่ ทีมบริหารความเสียง (RM) เครืองชีวัดคณภาพุ 1. อัตราการรายงานอุบัติการณ์ทีมีความเสียงระดับปานกลาง (D-F) และระดับมาก(G-I) 100% 2. อัตราความถูกต้องของการรายงานระดับความเสียงมากกว่าร้อยละ 80 3. อัตราอุบัติการณ์ความเสียงระดับเล็กน้อย(A-C) ได้รับการแก้ไข/ป้องกันร้อยละ 80 4. อัตราอุบัติการณ์ความเสียงระดับเสียงระดับปานกลาง (D-F) และระดับมาก(G-I) ได้รับการแก้ไข/ป้องกัน 100% 5. อัตราอุบัติการณ์ซําในความเสียงระดับปานกลาง (D-F) และระดับมาก(G-I) มีแนวทางแก้ไข/ป้องกันไว้ แล้วไม่เกินร้อยละ 10%